หลายๆ ครั้งที่เจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการหน้าใหม่ ค้นพบผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ได้สำเร็จ มักจะทุ่มงบประมาณไปกับการผลิตสินค้าจำนวนมาก คำนวณต้นทุ่นการผลิตสินค้า ต้นทุนพนักงาน แต่ลืมคำนวณต้นทุนการตลาด และการสร้างแบรนด์ลงไปในสินค้านั้นๆ ไม่สนใจงบการตลาด และการสร้างแบรนด์ มั่นใจกับสินค้าตัวเองมากเกินไป คิดว่าสินค้าชั้นดีจะต้องขายได้ คนชอบตอนนี้ขายได้ก็จบ เพียงพอแล้ว แต่หารู้หรือไม่ว่า นั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของธุรกิจเท่านั่น ขายดีตอนนี้ไม่ได้หมายถึงขายดีตลอดไป ขึ้นสุดก็ต้องมีลงสุดเป็นธรรมชาติของธุรกิจ
.
แล้วทำยังไงดีหล่ะ ให้สินค้าของเรายอดขายไม่ตกลงไปมากจนถึงกับต้องปิดกิจการ
.
ก่อนอื่นเราต้องกลับมาจุดเริ่มต้นของ กลไก ราคา และการแบ่งงบประมาณสำหรับการตลาด รวมถึงการทำโฆษณาในการสร้างแบรนด์ โปรโมทในอนาคตไวด้วย
1. งบต้นทุนการตลาดก็เปรียบเสมือนน้ำมันรถยนต์ของคุณว่าจะทำให้คุณถึงเป้าหมายเร็วหรือช้า?
.
หากคุณมีงบการตลาดที่เหมาะสม เท่ากับคุณมีน้ำมันรถมากกว่าคนอื่น สะดวกกว่าคนอื่น คุณสามารถขับรถยาว และต่อเนื่องได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำมัน แต่ก็ไม่ใช้ว่าคุณจะถึงเป้าหมายได้เร็วกว่าคนอื่น หรือไม่หลงทางเลย การที่คุณจะถึงจุดหมายได้เร็ว คือการศึกษาแผนที่และเส้นทางไปสู่ความสำเร็จนั้นด้วย คุณก็จะประหยัดค่าน้ำมันมากกว่าคนอื่น เพราะคุณพบเส้นทางลัด
2. งบการตลาดน้อยก็ถึงจุดหมายได้!
.
คุณลองนึกภาพว่าคุณไม่มีงบสำหรับเดินทาง หรือมีเงินเดินทางน้อยมาก คุณอาจจะต้องใช้สองขาเดินเพื่อถึงจุดหมาย ในขณะที่คนอื่นนั่งรถ หรือนั่งเครื่องบิน เมื่อเราไม่มีงบการตลาด หรือเงินสำหรับเดินทางเราจึงต้องมากหาเส้นทางลัด และประหยัดวางแผนการเดินทางดีๆ เพื่อที่จะไม่หลงทางบ่อยๆ หรือบางครั้งอาจต้องอาศัยรถยนต์คนอื่นในการเดินทาง เวลาคุณจะอาศัยรถยนต์คนอื่นเดินทาง คุณจะต้องมีทั้งความกล้า มีมิตรสหายที่ดี ที่พร้อมช่วยเหลือคุณ หรือการโน้มน้าวคนอื่นให้พาคุณเดินทางไปในเส้นทางความสำเร็จของคุณ...
3. ควรแบ่งงบการตลาดตั้งแต่เริ่มผลิต หรือเริ่มขายสินค้า
.
สมมุติว่าคุณขายสินค้าซักชิ้นคือ ถุงเท้า คุณต้องการกำไร 10 บาท/ชิ้น ต้นทุนผลิตทั้งหมด 20 บาท/ชิ้น ผู้ประกอบการบ้างคนจะขายที่ราคา 30 บาท/ชิ้น ซึ่งก็ไม่ผิดที่จะขายราคานี้แต่พอวันหนึ่งสินค้าเริ่มขายไม่ได้ ยอดขายสินค้าเริ่มตก และต้องการกระตุ้นยอดขายก็กลายเป็นว่าต้องดึงเงินกำไรเก่าๆ มาใช้ พอจะดึงมาก็เกิดการเสียดายกลายเป็นที่มางบการตลาดเท่ามด...และผลักดันสินค้าแทบไม่ได้ จนต้องดึงทุนเพิ่มมาทำการตลาด แต่หากคุณกำหนดงบตั้งแต่เริ่มต้น คุณจะไม่พบเจอปัญหานี้เลย เพราะคุณได้รวมงบการตลาด และสร้างแบรนด์ไว้ตั้งแต่เริ่มต้น เช่นเดิมขายสินค้า ถุงเท้า ต้องการกำไร 10 บาท/ชิ้น ต้นทุนผลิตทั้งหมด 20 บาท เพิ่มค่าการตลาดและสร้างแบรนด์อีก 5 บาท เท่ากับคุณขาย 35 บาท สินค้าคุณอาจแพงกว่าท้องตลาด แต่คุณมีการตลาดที่ดีเยี่ยม มีแพคเกจจิ้งที่สวยงาม และแบรนด์เป็นเอกลักษณ์มากว่าถุงเท้า 30 บาท แน่นอนว่าของคุณขายได้ง่ายกว่า และแบรนด์คุณก็เติบโตตามยอดขาย
สมมุติว่าคุณขายถุงเท้าได้ 1,000 คู่ ยอดขาย 35,000 บาท ทุนผลิต 20,000 บาท ทุนการตลาด 5000 บาท และ กำไร 10,000 บาท เท่ากับคุณมีต้นทุกการตลาดและสร้างแบรนด์อยู่ที่ ล๊อตละ 5000 บาท เป็นต้น
4. ควรใช้งบการตลาด และการสร้างแบรนด์เท่าไหร่ดี
.
เป็นเรื่องที่ถูกถามมาตลอดว่าต้องใช้เงินสร้างแบรนด์เท่าไหร่ถึงจะโอเค สินค้าแต่ละชนิดความยากง่ายในการขายไม่เท่ากัน สินค้าบางชิ้นขายง่ายอยู่แล้วก็อาจจะใช้ต้นทุนการตลาดไม่มาก สินค้าบางอย่างกำไรมากก็ใช้งบการตลาดมากเช่นกัน สังเกตุได้ เช่น แบรนด์น้ำอัดลม ต้นทุนการผลิตต่อขวดไม่มาก แต่เน้นการตลาด และการเข้าถึงคนเยอะมาก และขายได้จำนวนมาก ความถี่คนซื้อบ่อย จึงใช้งบการตลาดสูง หรือบางอย่างเป็นสินค้าที่มีราคาขายสูง เช่น บ้านรถยนต์ ของพวกนี้ขายยากนานๆ ขายที จึงต้องทุ่มงบการตลาดจำนวนมากเช่นกัน ส่วนจำพวกใช้งบการตลาดน้อย คือการขายส่ง รับผลิต โรงงานต่างๆ เน้นยิงตรงไปหาลูกค้ารายใหญ่ๆ จะใช้งบเกี่ยวกับเซลล์เป็นส่วนใหญ่
.
สรุปเราจะตั้งงบการตลาดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณผลิตและยอดการขายของเราที่วางแผนเอาไว้ ซึ่งบางครั้งอาจวางแผนการขายไปถึง 1-3 ปี เท่ากับเรามีงบการตลาดตั้งเป้าเอาไว 1-3 ปี ตามแผนการขายและผลิต
เขียนและ เรียบเรียง: MarCuz (Creative & Branding Director)
ติดตามข่าวสารหรือสอบถามข้อมูล
โทร. 092-484-1995
E-mail: mahasajan.idea@gmail.com
Website: https://www.mahasajan.com/
Facebook: https://www.facebook.com/ideamahasajan/
Instagram: https://bit.ly/2DrUdhS
Line@ Click: https://bit.ly/2sz0W31
Comments