เทคนิคการวัดผลของ Ads เพื่อไม่ให้ เผาเงิน ไปฟรีๆ
- มหัศจรรย์ ไอเดีย

- 22 ต.ค.
- ยาว 1 นาที

ในโลกธุรกิจออนไลน์ที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การใช้โฆษณา (Ads) เพื่อเข้าถึงลูกค้าคือสิ่งจำเป็น แต่หลายธุรกิจกลับพบว่าทุ่มเงินไปกับการ ยิงแอด มหาศาลแต่ยอดขายไม่กระเตื้อง นั่นอาจไม่ใช่เพราะโฆษณาของคุณไม่ดี แต่เป็นเพราะคุณยังขาดเทคนิคในการวัดผลที่แม่นยำ บทความนี้จะเจาะลึกถึงหลักการและเทคนิคการวัดผล Ads performance ที่จะช่วยให้คุณใช้เงินได้อย่างคุ้มค่า และเปลี่ยนยอดเงินที่เคย "เผา" ไปกับการยิงแอดให้กลายเป็นกำไรที่งอกเงย
ทำไมการวัดผล Ads performance ถึงสำคัญ?
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังขับรถโดยไม่มีมาตรวัดความเร็วหรือเข็มบอกน้ำมัน คุณจะไม่รู้เลยว่ารถวิ่งไปเร็วแค่ไหน หรือน้ำมันจะหมดเมื่อไหร่ การ ยิงแอด ก็เช่นกัน การวัดผลคือการทำให้คุณมองเห็นภาพรวมทั้งหมด ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางของเงินที่ลงไป
รู้ว่าเงินไปอยู่ไหน: การวัดผลจะบอกให้คุณรู้ว่าโฆษณาชิ้นไหนที่ใช้เงินไปเท่าไหร่ และได้ผลลัพธ์กลับมาอย่างไร
หยุดโฆษณาที่ไม่มีประสิทธิภาพ: คุณจะสามารถปิดโฆษณาที่เปลืองเงินแต่ไม่สร้างยอดขายได้ทันท่วงที
เพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาที่ทำกำไร: คุณจะรู้ว่าโฆษณาชิ้นไหนที่ทำเงินให้คุณมากที่สุด และสามารถเพิ่มงบประมาณเพื่อขยายผลลัพธ์ได้
เข้าใจลูกค้ามากขึ้น: การวัดผลช่วยให้คุณเห็นว่าลูกค้าตอบสนองต่อโฆษณาแบบไหน และนำข้อมูลมาปรับปรุงแคมเปญในอนาคต
3 ตัวชี้วัดสำคัญที่นักโฆษณาต้องรู้ (KPIs)
ในการวัดผล Ads performance ไม่ใช่แค่ดูแค่ยอดขาย แต่ต้องดูตัวชี้วัดที่สำคัญเหล่านี้ด้วย:
1. CTR (Click-Through Rate)
คืออะไร: อัตราส่วนของจำนวนคนที่คลิกโฆษณาเทียบกับจำนวนครั้งที่โฆษณาถูกแสดง (Impressions)
บอกอะไร: บอกว่าโฆษณาของคุณน่าสนใจแค่ไหน ถ้า CTR ต่ำ หมายความว่ารูปภาพหรือข้อความของคุณอาจยังไม่ดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมาย
ค่าที่ควรจะเป็น: โดยทั่วไป CTR ที่ดีควรอยู่ระหว่าง 1-3% ขึ้นไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจและแพลตฟอร์ม
2. CPC (Cost Per Click)
คืออะไร: ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการคลิกหนึ่งครั้ง
บอ
กอะไร: บอกว่าคุณต้องจ่ายเงินเท่าไหร่เพื่อให้ได้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์หนึ่งคน ถ้า CPC สูงเกินไปอาจทำให้คุณขาดทุนได้
วิธีปรับปรุง: พัฒนาคุณภาพของโฆษณาให้มีคะแนนความเกี่ยวข้อง (Relevance Score) ที่สูงขึ้น หรือใช้คีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
3. Conversion Rate
คืออะไร: อัตราส่วนของจำนวนคนที่กระทำการตามที่เราต้องการ (เช่น ซื้อสินค้า, ลงทะเบียน) เทียบกับจำนวนคนที่เข้ามา
บอกอะไร: นี่คือตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุด เพราะบอกว่าโฆษณาของคุณสามารถเปลี่ยนผู้สนใจให้กลายเป็นลูกค้าได้จริงหรือไม่
วิธีปรับปรุง: นอกจากปรับปรุงโฆษณาแล้ว คุณอาจต้องกลับไปปรับปรุงเว็บไซต์หรือหน้า Landing Page ของคุณให้ใช้งานง่ายและน่าสนใจมากขึ้น
เทคนิคการวัดผลขั้นสูง: จากตัวเลขสู่ความเข้าใจเชิงลึก
การดูแค่ตัวเลขข้างต้นอาจยังไม่พอ ลองใช้เทคนิคเหล่านี้เพื่อเจาะลึกข้อมูลและปรับปรุง Ads performance ให้ดีขึ้นอีกระดับ
1. ทดสอบ A/B Testing
สร้างโฆษณา 2 ชุดที่แตกต่างกันเพียงแค่จุดเดียว (เช่น รูปภาพ, หัวข้อ, หรือข้อความ) และปล่อยให้โฆษณาทั้งสองชุดทำงานไปพร้อมกัน จากนั้นเปรียบเทียบผลลัพธ์ว่าโฆษณาชุดไหนมีประสิทธิภาพดีกว่ากัน วิธีนี้ช่วยให้คุณรู้ว่าอะไรที่ได้ผลและอะไรที่ไม่ได้ผล
2. ใช้ Google Analytics ให้เป็น
นอกเหนือจากแพลตฟอร์มโฆษณาแล้ว ให้ติดตั้ง Google Analytics เพื่อดูพฤติกรรมของผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างละเอียด เช่น
เข้ามาจากโฆษณาไหน: ดูว่าลูกค้าเข้ามาจากโฆษณา Facebook หรือ Google
ใช้เวลาบนเว็บไซต์นานแค่ไหน: ถ้าเข้ามาแล้วออกเลย (Bounce Rate สูง) แสดงว่าหน้าเว็บไซต์ของคุณอาจมีปัญหา
คลิกอะไรบนเว็บไซต์บ้าง: ดูว่าลูกค้าสนใจปุ่มหรือลิงก์ไหนเป็นพิเศษ
3. เชื่อมโยงข้อมูลกับ Customer Persona
ข้อมูลจาก Ads performance จะมีความหมายมากขึ้นหากคุณนำมาเชื่อมโยงกับข้อมูลลูกค้าที่คุณได้จากการทำ Research
โฆษณา A มี Conversion Rate สูงในกลุ่มผู้หญิงอายุ 25-34 ปี – นี่คือข้อมูลเชิงตัวเลข
ทำไมกลุ่มนี้ถึงสนใจโฆษณานี้? – นี่คือคำถามที่คุณต้องหาคำตอบจากการทำ Research เพิ่มเติม คุณอาจพบว่าพวกเขาชอบดีไซน์, ชื่นชอบแบรนด์, หรือสนใจในคุณสมบัติบางอย่างของสินค้าที่โฆษณานำเสนอ
การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจแรงจูงใจเบื้องหลังของตัวเลข และนำไปใช้ในการ สร้างแบรนด์ และวางแผนโฆษณาในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ควรดูตัวชี้วัดตัวไหนเป็นอันดับแรก?
A: ควรดูที่ Conversion Rate เป็นอันดับแรก เพราะนั่นคือเป้าหมายสูงสุดของคุณครับ หลังจากนั้นค่อยย้อนกลับไปดู CTR และ CPC เพื่อดูว่ามีจุดไหนที่ต้องปรับปรุงบ้าง
Q: ถ้า CTR สูง แต่ Conversion Rate ต่ำเกิดจากอะไร?
A: โฆษณาของคุณอาจดึงดูดใจ แต่เนื้อหาในหน้า Landing Page หรือเว็บไซต์อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า หรือขั้นตอนการสั่งซื้อยุ่งยากเกินไป ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจไปกลางทางครับ
Q: การวัดผล Ads เป็นเรื่องซับซ้อนไหม?
A: การเริ่มต้นอาจดูซับซ้อน แต่เมื่อคุณเข้าใจหลักการพื้นฐานแล้ว การวัดผลจะกลายเป็นเรื่องง่ายและเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การตลาดครับ มีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้คุณดูข้อมูลได้สะดวกมากขึ้น
สรุป
การ ยิงแอด โดยไม่มีการวัดผลที่แม่นยำก็เหมือนกับการ "เผาเงิน" ทิ้งไปเรื่อยๆ การทำความเข้าใจตัวชี้วัดสำคัญอย่าง CTR, CPC, และ Conversion Rate จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด นำข้อมูล Ads performance ที่ได้ไปใช้ในการปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมโยงกับข้อมูลเชิงลึกจากการทำ Research เพื่อให้คุณเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง เมื่อคุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณจะสามารถเปลี่ยนโฆษณาของคุณจากรายจ่ายที่สูญเปล่า ให้กลายเป็นเครื่องมือทำกำไรที่ทรงพลังที่สุดในการ สร้างแบรนด์ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
หากคุณต้องการทีมงานมืออาชีพในการยิงแอด
ทางมหัศจรรย์เราพร้อมที่ดูแลแบรนด์ของคุณพร้อมทีมงานมืออาชีพที่ครอบคลุมในการสร้างแบรนด์แลการยิงแอดของแบรนด์เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจของคุณและเติบโตให้สอดคล้องกับตลาดของประเทศไทย สามารถติดต่อได้ที่
📞 โทรหาเราที่: 0924841995
📱 ติดต่อผ่าน Line: https://lin.ee/ZO3cxn6
📱Line ID : @Mahasajan
📧 อีเมล: hello@mahasajan.com



ความคิดเห็น