top of page

ยอดขายไม่โตเพราะคุณไม่รู้จักลูกค้าจริงๆ: แก้ได้ด้วย Research

Research

เคยสงสัยไหมว่าทำไมยอดขายถึงไม่เติบโตอย่างที่คิด ทั้งๆ ที่สินค้าก็ดี มีคุณภาพ และโปรโมชั่นก็จัดเต็ม นั่นอาจเป็นเพราะคุณยังไม่รู้จัก "ลูกค้าจริงๆ" ของตัวเองดีพอ การทำธุรกิจโดยปราศจากการทำ Research เปรียบเหมือนการพยายามหว่านเมล็ดพืชในที่ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ยากที่จะเติบโต การวิจัยตลาดจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และปลดล็อกศักยภาพในการเติบโตของยอดขายได้อย่างก้าวกระโดด



ทำไมยอดขายไม่โตเมื่อคุณไม่รู้จักลูกค้า?

ลองนึกภาพตาม: คุณทุ่มเงินและเวลามากมายในการพัฒนาสินค้าและวางแผนการตลาด แต่กลับพบว่าลูกค้าไม่สนใจ หรือยอดขายยังคงซบเซา นั่นอาจเป็นเพราะ:

  • คุณกำลังขายให้ "ผิดคน": สินค้าของคุณอาจไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนที่คุณกำลังสื่อสารด้วย

  • คุณกำลังแก้ "ผิดปัญหา": ลูกค้าของคุณอาจไม่ได้มีปัญหาอย่างที่คุณคิด การนำเสนอสินค้าจึงไม่ตรงจุด

  • คุณกำลังสื่อสารใน "ผิดช่องทาง": คุณอาจใช้ช่องทางการตลาดที่ลูกค้าของคุณไม่ได้ใช้งานอยู่

การที่ไม่รู้จักลูกค้าจริงๆ ทำให้ทุกการตัดสินใจทางธุรกิจมีความเสี่ยงสูง ตั้งแต่การเลือกกลุ่มเป้าหมาย, การกำหนดราคา, การสร้างข้อความทางการตลาด, ไปจนถึงการตัดสินใจลงทุนในแคมเปญโฆษณาต่างๆ



Research: อาวุธสำคัญที่ช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง

การทำ Research ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่คือการตั้งคำถามและหาคำตอบอย่างเป็นระบบ เพื่อให้คุณเข้าใจทุกมิติของลูกค้า ตั้งแต่พฤติกรรม, ความต้องการ, ไปจนถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่


1. เข้าใจ “ใคร” คือลูกค้าของคุณจริงๆ

  • ข้อมูลประชากรศาสตร์ (Demographics): พวกเขาคือใคร? อายุเท่าไหร่? อาชีพอะไร? มีรายได้เท่าไหร่?

  • ข้อมูลเชิงจิตวิทยา (Psychographics): พวกเขาคิดอะไร? มีความเชื่ออะไร? มีไลฟ์สไตล์แบบไหน? อะไรคือแรงจูงใจในการตัดสินใจซื้อ?

การหาคำตอบเหล่านี้ช่วยให้คุณสร้าง "Customer Persona" หรือแบบจำลองลูกค้าในอุดมคติขึ้นมาได้ ทำให้คุณมองเห็นภาพลูกค้าชัดเจนขึ้น และสามารถกำหนดทิศทางการตลาดได้แม่นยำ


2. ฟังเสียงของลูกค้า: จากข้อมูลเชิงคุณภาพสู่ความเข้าใจเชิงลึก

การทำ Research ไม่ใช่แค่การดูตัวเลข แต่คือการฟังเสียงของลูกค้าอย่างตั้งใจ โดยใช้เครื่องมือเชิงคุณภาพ:


  • การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview): พูดคุยกับลูกค้าแบบตัวต่อตัว เพื่อเจาะลึกถึงความคิด, ความรู้สึก และประสบการณ์ของพวกเขา

  • การจัดกลุ่มโฟกัส (Focus Group): รวบรวมกลุ่มลูกค้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เพื่อรับฟังมุมมองที่หลากหลาย

  • การสำรวจโซเชียลมีเดีย: ติดตามการพูดถึงแบรนด์ของคุณและคู่แข่งบนโลกออนไลน์ เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกและทัศนคติของลูกค้า


ข้อมูลเชิงคุณภาพเหล่านี้จะช่วยให้คุณค้นพบ "Why" ที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ข้อมูลเชิงปริมาณอาจให้ไม่ได้


3. ใช้ตัวเลขยืนยัน: จากความเข้าใจสู่การลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อได้ข้อมูลเชิงลึกแล้ว ก็ถึงเวลาใช้เครื่องมือเชิงปริมาณเพื่อยืนยันสมมติฐานและขยายผล:


  • แบบสอบถามออนไลน์ (Online Survey): สร้างคำถามที่ชัดเจนและครอบคลุม เพื่อเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก

  • การวิเคราะห์เว็บไซต์ (Website Analytics): ใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics เพื่อดูว่าลูกค้าเข้ามาจากช่องทางไหน, ใช้เวลานานแค่ไหนบนเว็บไซต์ และหน้าไหนที่พวกเขาสนใจเป็นพิเศษ

  • การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเดิม: ศึกษาข้อมูลการซื้อขายที่ผ่านมาเพื่อหาแนวโน้มและพฤติกรรมการซื้อซ้ำของลูกค้า

ข้อมูลตัวเลขเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและสามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจ



ผสาน Research เข้ากับการตลาดเพื่อสร้างยอดขายที่ยั่งยืน

ข้อมูลที่ได้จากการทำ Research จะไร้ค่าหากไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ การเชื่อมโยงข้อมูลกับกลยุทธ์การตลาดจะช่วยให้คุณสร้างยอดขายที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง:


  • ใช้ข้อมูลจาก Research ในการสร้างคอนเทนต์: เมื่อคุณรู้ว่าลูกค้าสนใจเรื่องอะไร, มีปัญหาอะไร คุณก็สามารถสร้างบทความ, วิดีโอ หรือคอนเทนต์อื่นๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้ตรงจุด


  • ใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุง Ads Performance: หากคุณทำโฆษณาออนไลน์แล้วพบว่า Ads performance ไม่ดีเท่าที่ควร ลองนำข้อมูลจาก Research มาใช้ดู เช่น ลูกค้าของคุณให้ความสำคัญกับเรื่องราคามากกว่าคุณภาพหรือไม่? หรือภาพในโฆษณาดึงดูดใจพวกเขาพอหรือเปล่า? การวิเคราะห์เชิงลึกจะช่วยให้คุณปรับปรุงโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดงบประมาณ


  • นำไปใช้ในการ สร้างแบรนด์ ให้แข็งแกร่ง: ข้อมูลเชิงลึกจาก Research เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างแบรนด์ที่ชัดเจนและโดดเด่น ทำให้คุณสามารถสื่อสารคุณค่าของสินค้าและบริการได้อย่างตรงใจลูกค้า


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ธุรกิจขนาดเล็กต้องทำ Research ด้วยไหม? 

A: ยิ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กยิ่งต้องทำครับ การทำ Research ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณเยอะ แค่เริ่มต้นจากการพูดคุยกับลูกค้าโดยตรง หรือใช้เครื่องมือฟรีที่มีอยู่บนโลกออนไลน์ ก็ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่มีค่ามหาศาลแล้วครับ


Q: Research กับ Survey เหมือนกันไหม? 

A: การสำรวจ (Survey) เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ในการทำ Research ครับ การ Research ครอบคลุมมากกว่านั้น ทั้งการสัมภาษณ์, การวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และการสังเกตพฤติกรรมลูกค้า


Q: การทำ Research ใช้เวลานานไหม? 

A: ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจและวัตถุประสงค์ครับ แต่สิ่งที่สำคัญคือการทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ใช่ทำแค่ครั้งเดียวแล้วจบไป


สรุป

ยอดขายไม่โตไม่ใช่เพราะสินค้าคุณไม่ดี แต่อาจเป็นเพราะคุณไม่รู้จักลูกค้าจริงๆ การทำ Research เป็นทางออกที่จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และปลดล็อกทุกความท้าทายในการทำธุรกิจ จากข้อมูลเชิงลึกที่คุณได้รับ คุณจะสามารถวางกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ, ปรับปรุงการตลาดให้มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญที่สุดคือ สามารถ สร้างแบรนด์ ที่มีคุณค่าและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา


หากคุณต้องการทีมงานมืออาชีพในการ Research

ทางมหัศจรรย์เราพร้อมที่ดูแลแบรนด์ของคุณพร้อมทีมงานมืออาชีพที่ครอบคลุมในการสร้างแบรนด์และ Research ของแบรนด์เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจของคุณและเติบโตให้สอดคล้องกับตลาดของประเทศไทย สามารถติดต่อได้ที่

📞 โทรหาเราที่: 0924841995

📱 ติดต่อผ่าน Line: https://lin.ee/ZO3cxn6 

📱Line ID : @Mahasajan

 📧 อีเมล: hello@mahasajan.com

 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page