ยอดขายไม่โตเพราะคุณไม่รู้จักลูกค้าจริงๆ: แก้ได้ด้วย Research
- มหัศจรรย์ ไอเดีย

- 8 ต.ค.
- ยาว 1 นาที

เคยสงสัยไหมว่าทำไมยอดขายถึงไม่เติบโตอย่างที่คิด ทั้งๆ ที่สินค้าก็ดี มีคุณภาพ และโปรโมชั่นก็จัดเต็ม นั่นอาจเป็นเพราะคุณยังไม่รู้จัก "ลูกค้าจริงๆ" ของตัวเองดีพอ การทำธุรกิจโดยปราศจากการทำ Research เปรียบเหมือนการพยายามหว่านเมล็ดพืชในที่ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ยากที่จะเติบโต การวิจัยตลาดจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และปลดล็อกศักยภาพในการเติบโตของยอดขายได้อย่างก้าวกระโดด
ทำไมยอดขายไม่โตเมื่อคุณไม่รู้จักลูกค้า?
ลองนึกภาพตาม: คุณทุ่มเงินและเวลามากมายในการพัฒนาสินค้าและวางแผนการตลาด แต่กลับพบว่าลูกค้าไม่สนใจ หรือยอดขายยังคงซบเซา นั่นอาจเป็นเพราะ:
คุณกำลังขายให้ "ผิดคน": สินค้าของคุณอาจไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนที่คุณกำลังสื่อสารด้วย
คุณกำลังแก้ "ผิดปัญหา": ลูกค้าของคุณอาจไม่ได้มีปัญหาอย่างที่คุณคิด การนำเสนอสินค้าจึงไม่ตรงจุด
คุณกำลังสื่อสารใน "ผิดช่องทาง": คุณอาจใช้ช่องทางการตลาดที่ลูกค้าของคุณไม่ได้ใช้งานอยู่
การที่ไม่รู้จักลูกค้าจริงๆ ทำให้ทุกการตัดสินใจทางธุรกิจมีความเสี่ยงสูง ตั้งแต่การเลือกกลุ่มเป้าหมาย, การกำหนดราคา, การสร้างข้อความทางการตลาด, ไปจนถึงการตัดสินใจลงทุนในแคมเปญโฆษณาต่างๆ
Research: อาวุธสำคัญที่ช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง
การทำ Research ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่คือการตั้งคำถามและหาคำตอบอย่างเป็นระบบ เพื่อให้คุณเข้าใจทุกมิติของลูกค้า ตั้งแต่พฤติกรรม, ความต้องการ, ไปจนถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่
1. เข้าใจ “ใคร” คือลูกค้าของคุณจริงๆ
ข้อมูลประชากรศาสตร์ (Demographics): พวกเขาคือใคร? อายุเท่าไหร่? อาชีพอะไร? มีรายได้เท่าไหร่?
ข้อมูลเชิงจิตวิทยา (Psychographics): พวกเขาคิดอะไร? มีความเชื่ออะไร? มีไลฟ์สไตล์แบบไหน? อะไรคือแรงจูงใจในการตัดสินใจซื้อ?
การหาคำตอบเหล่านี้ช่วยให้คุณสร้าง "Customer Persona" หรือแบบจำลองลูกค้าในอุดมคติขึ้นมาได้ ทำให้คุณมองเห็นภาพลูกค้าชัดเจนขึ้น และสามารถกำหนดทิศทางการตลาดได้แม่นยำ
2. ฟังเสียงของลูกค้า: จากข้อมูลเชิงคุณภาพสู่ความเข้าใจเชิงลึก
การทำ Research ไม่ใช่แค่การดูตัวเลข แต่คือการฟังเสียงของลูกค้าอย่างตั้งใจ โดยใช้เครื่องมือเชิงคุณภาพ:
การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview): พูดคุยกับลูกค้าแบบตัวต่อตัว เพื่อเจาะลึกถึงความคิด, ความรู้สึก และประสบการณ์ของพวกเขา
การจัดกลุ่มโฟกัส (Focus Group): รวบรวมกลุ่มลูกค้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เพื่อรับฟังมุมมองที่หลากหลาย
การสำรวจโซเชียลมีเดีย: ติดตามการพูดถึงแบรนด์ของคุณและคู่แข่งบนโลกออนไลน์ เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกและทัศนคติของลูกค้า
ข้อมูลเชิงคุณภาพเหล่านี้จะช่วยให้คุณค้นพบ "Why" ที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ข้อมูลเชิงปริมาณอาจให้ไม่ได้
3. ใช้ตัวเลขยืนยัน: จากความเข้าใจสู่การลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรม
เมื่อได้ข้อมูลเชิงลึกแล้ว ก็ถึงเวลาใช้เครื่องมือเชิงปริมาณเพื่อยืนยันสมมติฐานและขยายผล:
แบบสอบถามออนไลน์ (Online Survey): สร้างคำถามที่ชัดเจนและครอบคลุม เพื่อเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก
การวิเคราะห์เว็บไซต์ (Website Analytics): ใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics เพื่อดูว่าลูกค้าเข้ามาจากช่องทางไหน, ใช้เวลานานแค่ไหนบนเว็บไซต์ และหน้าไหนที่พวกเขาสนใจเป็นพิเศษ
การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเดิม: ศึกษาข้อมูลการซื้อขายที่ผ่านมาเพื่อหาแนวโน้มและพฤติกรรมการซื้อซ้ำของลูกค้า
ข้อมูลตัวเลขเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและสามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจ
ผสาน Research เข้ากับการตลาดเพื่อสร้างยอดขายที่ยั่งยืน
ข้อมูลที่ได้จากการทำ Research จะไร้ค่าหากไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ การเชื่อมโยงข้อมูลกับกลยุทธ์การตลาดจะช่วยให้คุณสร้างยอดขายที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง:
ใช้ข้อมูลจาก Research ในการสร้างคอนเทนต์: เมื่อคุณรู้ว่าลูกค้าสนใจเรื่องอะไร, มีปัญหาอะไร คุณก็สามารถสร้างบทความ, วิดีโอ หรือคอนเทนต์อื่นๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้ตรงจุด
ใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุง Ads Performance: หากคุณทำโฆษณาออนไลน์แล้วพบว่า Ads performance ไม่ดีเท่าที่ควร ลองนำข้อมูลจาก Research มาใช้ดู เช่น ลูกค้าของคุณให้ความสำคัญกับเรื่องราคามากกว่าคุณภาพหรือไม่? หรือภาพในโฆษณาดึงดูดใจพวกเขาพอหรือเปล่า? การวิเคราะห์เชิงลึกจะช่วยให้คุณปรับปรุงโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดงบประมาณ
นำไปใช้ในการ สร้างแบรนด์ ให้แข็งแกร่ง: ข้อมูลเชิงลึกจาก Research เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างแบรนด์ที่ชัดเจนและโดดเด่น ทำให้คุณสามารถสื่อสารคุณค่าของสินค้าและบริการได้อย่างตรงใจลูกค้า
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ธุรกิจขนาดเล็กต้องทำ Research ด้วยไหม?
A: ยิ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กยิ่งต้องทำครับ การทำ Research ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณเยอะ แค่เริ่มต้นจากการพูดคุยกับลูกค้าโดยตรง หรือใช้เครื่องมือฟรีที่มีอยู่บนโลกออนไลน์ ก็ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่มีค่ามหาศาลแล้วครับ
Q: Research กับ Survey เหมือนกันไหม?
A: การสำรวจ (Survey) เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ในการทำ Research ครับ การ Research ครอบคลุมมากกว่านั้น ทั้งการสัมภาษณ์, การวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และการสังเกตพฤติกรรมลูกค้า
Q: การทำ Research ใช้เวลานานไหม?
A: ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจและวัตถุประสงค์ครับ แต่สิ่งที่สำคัญคือการทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ใช่ทำแค่ครั้งเดียวแล้วจบไป
สรุป
ยอดขายไม่โตไม่ใช่เพราะสินค้าคุณไม่ดี แต่อาจเป็นเพราะคุณไม่รู้จักลูกค้าจริงๆ การทำ Research เป็นทางออกที่จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และปลดล็อกทุกความท้าทายในการทำธุรกิจ จากข้อมูลเชิงลึกที่คุณได้รับ คุณจะสามารถวางกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ, ปรับปรุงการตลาดให้มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญที่สุดคือ สามารถ สร้างแบรนด์ ที่มีคุณค่าและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
หากคุณต้องการทีมงานมืออาชีพในการ Research
ทางมหัศจรรย์เราพร้อมที่ดูแลแบรนด์ของคุณพร้อมทีมงานมืออาชีพที่ครอบคลุมในการสร้างแบรนด์และ Research ของแบรนด์เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจของคุณและเติบโตให้สอดคล้องกับตลาดของประเทศไทย สามารถติดต่อได้ที่
📞 โทรหาเราที่: 0924841995
📱 ติดต่อผ่าน Line: https://lin.ee/ZO3cxn6
📱Line ID : @Mahasajan
📧 อีเมล: hello@mahasajan.com



ความคิดเห็น